ติ๊กบอกให้เขียนเรื่องกฎ 180 องศา
จริงๆไม่เคยเขียนอะไรจริงจังมาก่อน แต่ในฐานะ fcของเพจนี้ จึงเขียนตามที่พี่ติ๊กให้เขียน มีอะไรแก้ไข เสริม เพิ่มเติมได้นะครับ
กฎ 180 องศา ไม่ได้ใช้เฉพาะวงการภาพยนตร์เท่านั้น แต่อะไรที่มีการเคลื่อนไหวผ่านจอ เช่นในทีวีทั้งหลาย(ทั้งออนไลน์และออฟไลน์) เกมส์โชว์ รายการสัมภาษณ์ ละครโทรทัศน์ กีฬา งานถ่ายทอดพิธีต่างๆ ก็ต้องใช้กฎนี้
ทำไมทุกสื่อที่เคลื่อนไหวต้องคำนึงถึงกฎนี้ เพราะกฎนี้จะทำให้คนดูซึ่งไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์จริงได้รู้ตำแหน่งและทิศทางของทุกสิ่งที่อยู่ในจอ พูดง่ายๆ ไม่หลงตำแหน่ง ไม่หลงทิศ
แต่จะพูดถึงสื่อนึงที่เก่าแก่กว่าภาพยนตร์และทีวีก็คือ ละครเวที ถ้าเป็นคนจีนงิ้ว หรือลิเกบ้านเรา การแสดงเหล่านี้ เกิดขึ้นบนเวที(ฉาก) คนดูในตำแหน่งต่างๆของโรงละคร ถึงแม้จะเห็นมุมที่ แตกต่างกันบ้าง (ตรงๆ,เฉียงซ้าย,เฉียงขวา,ใกล้เวที,ไกลเวที) แต่ทุกคนก็จะเคลียร์ และรับรู้ทิศทางและตำแหน่งทุกสิ่งอย่างบนเวทีร่วมกัน มองขึ้นไปก็จะเห็นตำแหน่งนักแสดง คนนี้อยู่ซ้าย คนนั้นอยู่ขวา ไอ้นั่นเดินมาทางนี้ เธอนางนี้หนีไปทางนั้น ด้านที่คนดูมองขึ้นไปก็คือด้านหลักนั่นเอง คงไม่มีใครมองย้อนกลับมา (ยกเว้นละครที่เล่นกลางฮอล์หรือสเตเดี่ยม)
ศาสตร์ของภาพยนตร์ก็พัฒนามาจากละครเวที คือถึงแม้การใช้กล้องถ่ายหนังจะมีอิสระในเรื่องของทิศทาง ฉันอยากจะตั้งตรงไหนก็ได้ แต่ผู้กำกับควรจะให้คนดูหนังผ่านจอรับรู้ตำแหน่งและทิศทางเหมือนคนดูในโรงละคร คือให้เห็นด้านหลักของซีน(ฉาก)นั้น เส้น180องศาจึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อให้คนดูเห็นคล้ายๆฉากละครเวที
ภาพแรก เป็นฉากสองคนเผชิญหน้ากัน ผู้กำกับจะต้องกำหนด(เลือก)ด้านใดด้านหนึ่งที่เป็นด้านหลักให้คนดูเห็น และขีดเส้นสมมุติผ่านกลางกบาล ของนักแสดงทั้งคู่ ตำแหน่งกล้องในการถ่ายหนังมักจะมีมากกว่า1 ตำแหน่งกล้องจึงไม่ควรข้าม เส้นสมมุตินี้
ตำแหน่งกล้องที่1 เป็นภาพคู่เห็นการเผชิญหน้ากัน ตำแหน่งผู้หญิงเสื้อแดงอยู่ด้านซ้ายของภาพ ผู้ชายเสื้อดำอยู่ขวา
ตำแหน่งกล้องที่ 2 ถ่ายผ่านไหล่ผู้หญิงไปเห็นหน้าผู้ชาย ตำแหน่งหญิงซ้าย ชายขวา
ตำแหน่งกล้องที่ 3 ถ่ายผ่านไหล่ผู้ชายไปเห็นหน้าผู้หญิง หญิงซ้าย ชายขวา
แต่ถ้ากล้องเราดันทะลึ่งข้ามเส้นสมมุตินี้ เช่นกล้องตำแหน่งX เราก็จะเห็นตำแหน่งผู้หญิงอยู่ด้านขวาผู้ชายอยู่ด้านซ้ายของภาพ
ถ้าตัดภาพจากกล้องตำแหน่ง2 มาตำแหน่งx คนดูจะงงกับตำแหน่งของนักแสดงทันที อย่าลืมว่าคนดูไม่รู้หรอกว่าเราตั้งกล้องตรงไหน คนดูรับรู้จากภาพที่เห็นเท่านั้น
แต่กฎก็เป็นแค่กฎ ในหนังเรื่อง insider ฉากเผชิญหน้ากันระหว่าง ลุงอัล ปาชิโน่ กับ น้ารัสเซล โครว์ หนังเลือกที่จะใช้ช๊อทจากกล้องทิศตรงข้าม ต่อกันเลย ตอนเฮียดูในโรงครั้งแรกโคตรจะสตั๊นเลยอ่ะ อย่างเท่ห์ (รูปตัวอย่างอยู่ในเม้นต์)
หรือหนังหลายๆเรื่องก็มีการถ่ายช๊อตที่ข้ามเส้นสมมุตตินี้ ใช้โดยมีการตัดไปชอทอื่นสั้นๆ(cutaway) นี่เป็นตัวอย่างแบบง่ายๆของหนัง ถ้าเป็นหนังแอคชั่นเตะต่อย หรือเต้นรำหมุนตัวเปลี่ยนตำแหน่ง หรือตำแหน่งนักแสดงหลายคน อันนี้คนทำคนถ่าย ต้องยิ่งใส่ใจ และวางแผน วางตำแหน่งนักแสดง และตำแหน่งกล้องให้ดี ไม่งั้นไม่ใช่แค่คนดูหลงทิศ แต่คนทำนั่นแหล่ะจะหลงทิศเอง
มีภาพตัวอย่างการถ่ายทอดบอล(ในคอมเม้นต์) กล้องส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียว เพื่อให้คนดูรู้ว่า ทีมไหนบุกไปทิศไหน และเวลาสวิทชิ่งสดเปลี่ยนภาพจะใช้ภาพจากฝั่งเดียวกัน เพราะถ้าไปใช้ภาพจากฝั่งตรงข้ามปั๊บ เราจะเห็นนักบอลยิงประตูฝั่งตัวเองทันที จะมีข้อยกเว้นคือ ตัดภาพจากกล้องฝั่งตรงข้ามมาที่โค้ชอันนี้เหมือนCutaway หรือจะเป็นภาพรีเพลย์สโมว์โมชั่น เช่นจังหวะทำฟลาว์ ภาพจากฝั่งตรงข้ามเห็นชัดกว่าเลยรีเพลย์ให้ดู ซึ่งคนดูรับได้ เพราะรู้ว่าผ่านเหตุการณ์นั้นไปแล้ว